ทั้งนี้ บรรยากาศในงาน ธนาคารพาณิชย์ ได้นำนวัตกรรมการเงินแสดง เช่น ธนาคารกรุงเทพ เสนอโครงการ Bangkok Bank InnoHub-FinTech Accelerator บ่มเพาะศักยภาพสตาร์ทอัพฟินเทคระดับโลก โครงการเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่อาศัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนลูกค้า โครงการ BeWallet-QR Code Payment บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด ทั้งในไทยและเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น และ โครงการ KMUTT BeDigiPass รูปแบบใหม่ของบัตรนักศึกษาเสมือนจริงบนสมาร์ทโฟน ใช้ในมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่เช็คชื่อ ซื้ออาหาร จ่ายค่าหอ และค่าเทอม
ขณะที่ธนาคารกรุงไทย นำระบบ Face Authentication ตรวจสอบใบหน้ายืนยันตัวตนของลูกค้าเพื่อชำระเงินร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ติดตั้งตู้ Kiosk ที่ใช้ระบบ Self-Payment Machine เก็บรวบรวมฐานข้อมูลคนไข้ในโรงพยาบาล เพื่อใช้บริการได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่การจองคิว ตรวจสอบสิทธิ ชำระเงิน และออกใบเสร็จ และโชว์การชำระเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Payment) นำร่องติดตั้งคิวอาร์โค้ด และเครื่องอ่านบัตรแบบมือถือบนรถเมล์ปรับอากาศ สาย 510 จำนวน 40 คัน รองรับชำระด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรรถเมล์ รวมทั้งติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E Ticket) ในรถเมล์ ขสมก. 3,000 คัน รองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเชื่อมโยงระบบบัตรโดยสารร่วม
ธนาคารกสิกรไทย นำเสนอบริการเชื่อมต่อระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลกับกับ NDID ทำให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องมาที่สาขา สาธิตนวัตกรรมการชำระเงินด้วย Biometrics Technology ช่วยให้โอนเงินไปยังผู้รับปลายทางได้โดยใช้เพียงใบหน้าของผู้รับเงิน และบริการตู้จำหน่ายสินค้าที่ผู้ซื้อสามารถชำระเงินด้วยใบหน้า
ธนาคารไทยพาณิชย์ นำเสนอเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนเส้นเลือดในฝ่ามือ หรือ Palm Vein โดยผู้เข้าชมในงานได้รับประสบการณ์ในการสแกนฝ่ามือ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนที่ใช้ในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพื่อชำระเงินในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา นำเสนอ e-KYC : กรุงศรีนำเทคโนโลยีเปรียบเทียบใบหน้า หรือ Facial Recognition e-KYC มาใช้ให้บริการเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาของธนาคารกว่า 600 สาขา และต่อยอดสู่การเปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Saving).